สรุปหนังสือ Be Useful

สรุปหนังสือ BeUseful

สุดยอดบทเรียนเปลี่ยนชีวิตจากอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์

      อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์เป็นนักแสดงที่มายด์รู้จักจากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง “ฅนเหล็ก” ซึ่งเป็นหนังที่โด่งดังมากในยุคนั้น มายด์เคยได้ยินว่าเขาเคยเป็นนักเพาะกายมาก่อนจะมาเป็นนักแสดง แต่ไม่เคยรู้รายละเอียดเกี่ยวกับความเป็นมาของเขา หลังจากประสบความสำเร็จในอาชีพนักแสดง คุณอาร์โนลด์ได้หันเหไปสู่อาชีพนักการเมือง ซึ่งทำให้มายด์รู้สึกประทับใจว่าเขาสามารถเป็นได้ทั้งนักแสดงและนักการเมือง แม้จะมีชื่อเสียงและความสำเร็จมากมายแล้วก็ตาม แต่มายด์สงสัยว่าทำไมเขายังเลือกที่จะเข้าสู่การเมืองอีก ในหนังสือ Be Useful คุณอาร์โนลด์ได้แชร์ประสบการณ์ชีวิตทั้งหมดของเขา และบอกเล่าเกี่ยวกับเครื่องมือที่ทำให้เขากลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหลายด้านซึ่งเป็นคำแนะนำที่มีคุณค่ามาก ๆ ซึ่งมายด์ได้สรุปในส่วนที่น่าสนใจ และสามารถนำไปปรับใช้จริง 

สรุปหนังสือ Be Useful

เริ่มต้นที่การมี “วิสัยทัศน์” 

      วิสัยทัศน์ คือการมีภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับชีวิตที่ต้องการ และการมีแผนการเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เพื่อไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ คนที่ไม่มีวิสัยทัศน์มักจะหลงทางในชีวิต ทำให้การกระทำในแต่ละวัน เช่น การไม่ออกกำลังกายหรือการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ส่งผลให้ชีวิตขาดทิศทางและตกอยู่ในวงจรเดิมๆ โดยไม่รู้ตัว

      การสร้างวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนตามที่อาร์โนลด์แนะนำในหนังสือมีสองวิธีหลัก คือ 1) การค้นหาความคลั่งไคล้ของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่บางคนอาจลืมไปแล้ว 2) มองภาพกว้างๆ ก่อน แล้วค่อยซูมเข้าไปในรายละเอียด เช่น การตั้งคำถามว่าทำไมถึงอยากมีหุ่นดี และค้นหาคำตอบในเชิงลึก

      อาร์โนลด์เน้นย้ำว่าเราเท่านั้นที่ควบคุมการตอบสนองของตัวเองต่อสถานการณ์ต่าง ๆ แม้ว่าเราจะไม่สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ แต่การตอบสนองของเราเป็นสิ่งเดียวที่สามารถกำหนดผลลัพธ์ได้

      เพื่อไปให้ถึงวิสัยทัศน์ที่ต้องการ อาร์โนลด์แนะนำให้เริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในแต่ละวัน เช่น การออกกำลังกายหรือการพัฒนาตัวเอง และค่อยๆ ขยายเป้าหมายไปเป็นรายสัปดาห์และรายเดือน การทำเช่นนี้จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของชีวิตชัดเจนขึ้นและทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น

      อาร์โนลด์เล่าว่าเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จของเขาคือการเห็นภาพวิสัยทัศน์ในหัวอย่างชัดเจน และการทำงานหนักเพื่อให้ภาพนั้นกลายเป็นจริง เขายกตัวอย่างนักกีฬาที่จินตนาการการเล่นของตัวเองก่อนการแข่งขัน และฝึกฝนอย่างหนักเพื่อให้สามารถทำตามจินตนาการนั้นได้

      แม้ว่าอาร์โนลด์จะมีโอกาสทำเงินจากการเป็นทูตด้านการออกกำลังกาย แต่เขาเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะไม่ตรงกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการเป็นนักแสดงในวงการภาพยนตร์ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการโฟกัสกับเป้าหมายและการตัดสิ่งที่ไม่สอดคล้องออกไปเป็นสิ่งสำคัญในการไปให้ถึงจุดหมาย

      อาร์โนลด์เปรียบเทียบชีวิตเหมือนสนามแข่งขัน ไม่มีใครลงแข่งเพื่อแพ้ และชีวิตของเรามีเพียงชีวิตเดียว ดังนั้นเราควรตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ต้องการจริง ๆ และใช้ชีวิตตามวิสัยทัศน์นั้นทุกวัน เพื่อให้ชีวิตมีความหมายและเราภูมิใจในตัวเอง

สรุปหนังสือ Be Useful

Wenn Schon, Denn Schon 

      คำว่า “Wenn schon, denn schon” เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า “คิดจะทำต้องทำให้สุด” ซึ่งเป็นคำกล่าวที่อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ใช้พูดถึงผู้กำกับชื่อดัง เจมส์ คาเมรอน ที่มุ่งมั่นทำทุกอย่างอย่างเต็มที่และไม่เคยทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ มายด์พยายามนำคำกล่าวนี้มาเตือนใจตัวเองในช่วงเวลาที่รู้สึกขี้เกียจหรือทำงานแบบผ่าน ๆ ไป โดยตระหนักว่าการทำอะไรไม่เต็มที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวหรือความเสียใจในภายหลังที่ไม่ได้ทำให้ดีที่สุดตั้งแต่แรก อาร์โนลด์เน้นย้ำว่าการไม่ทุ่มสุดตัวในการทำสิ่งต่างๆ จะรับประกันความล้มเหลว แต่หากเราทุ่มเทอย่างเต็มที่ อย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้มากขึ้น

      ในชีวิตเรามักจะพบเจอกับ “นักปฏิเสธ” หรือคนที่คอยบั่นทอนความฝันและเป้าหมายของเรา โดยบอกว่าเราไม่สามารถทำสิ่งนั้นๆ ได้ ซึ่งอาร์โนลด์แนะนำว่าเราไม่ควรให้เสียงเหล่านี้มามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหรือความเชื่อของเรา มายด์เคยประสบกับสถานการณ์ที่เพื่อนดูถูกว่าจะสอบเข้าแพทย์ไม่ได้ แต่มายด์เลือกที่จะเมินคำพูดเหล่านั้นและมุ่งมั่นตั้งใจอ่านหนังสือต่อไป จนสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในที่สุด อาร์โนลด์เองก็เคยถูกดูถูกว่าไม่มีทางเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงได้ แต่เขาใช้คำพูดด้านลบเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันในการพิสูจน์ความสามารถและความฝันของตัวเอง

      เมื่อเรามีเป้าหมายใหญ่ เราควรทุ่มเททำให้สำเร็จโดยไม่มี “แผนสอง” เพราะการมีแผนสำรองอาจทำให้เราละทิ้งหรือไม่มุ่งมั่นกับเป้าหมายหลักอย่างเต็มที่ อาร์โนลด์เคยพยายามปฏิรูปการเมืองเพื่อประโยชน์ของประชาชน แม้จะเผชิญกับการคัดค้านมากมาย แต่เขายืนหยัดและพยายามตลอด 3 ปี จนสามารถทำได้สำเร็จ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค การไม่มีแผนสองเปรียบเสมือนกับการ “เผาเรือ” ซึ่งมาจากเรื่องราวในปี ค.ศ. 1519 เมื่อคอร์เตสสั่งเผาเรือทั้งหมดเพื่อบังคับให้ทหารของเขามุ่งมั่นสู่ชัยชนะโดยไม่มีทางถอยหลัง การกระทำนี้สื่อถึงการทุ่มเททั้งหมดและมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อเป้าหมาย อาร์โนลด์แนะนำให้เราฝันให้ใหญ่และทุ่มเททำอย่างเต็มที่ เพราะความสำเร็จของเราอาจไม่เพียงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราเอง แต่ยังส่งผลดีต่อชีวิตของคนอื่น ๆ อีกมากมาย

      คนที่ประสบความสำเร็จมักไม่หยุดอยู่กับที่ เมื่อพวกเขาทำสิ่งหนึ่งสำเร็จแล้ว ก็จะมองหาความท้าทายใหม่ๆ ต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าขีดจำกัดของเรามีอยู่แค่ในจิตใจเท่านั้น มายด์รู้สึกได้รับแรงบันดาลใจจากการเห็นคนที่ประสบความสำเร็จที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือบุคคลในสาขาอื่นๆ การเห็นความหลงใหลและความมุ่งมั่นของพวกเขาทำให้มายด์มีกำลังใจและเชื่อว่าสิ่งต่าง ๆ เป็นไปได้จริง มายด์แนะนำให้ทุกคนหา “Role Model” หรือบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในแบบที่เราต้องการ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางในการเดินตามความฝันของเรา เพราะถ้าพวกเขาสามารถทำได้ เราก็สามารถทำได้เช่นกัน

สรุปหนังสือ Be Useful

อย่ายอมแพ้

      แม้เราอาจไม่เก่งที่สุดหรือมีเส้นสายมากที่สุด แต่สิ่งที่เรามีและหลายคนไม่มีคือความมุ่งมั่นในการลงมือทำ มายด์เชื่อว่าความมุ่งมั่นนี้แยกคนที่ประสบความสำเร็จออกจากคนที่ไม่สำเร็จ การขัดเกลาสกิลและการทำงานหนักเป็นสิ่งจำเป็นในการไปถึงฝัน ทำให้มายด์นึกถึงตัวละคร แอสต้า จากเรื่อง Black Clover เป็นตัวอย่างของคนที่ไม่มีพลังเวทมนตร์แต่ไม่เคยยอมแพ้ คำพูดของแอสต้า “เวทมนตร์ของฉันคือการไม่ยอมแพ้” เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่อความฝันของตัวเอง

      อาร์โนลด์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทุ่มเททำตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่องทุกวัน แม้ว่าสิ่งที่ทำวันนี้อาจดูไม่เห็นผลในทันที แต่เมื่อโอกาสมาถึง ความพยายามทั้งหมดจะเป็นตัวกำหนดความสำเร็จ การทำซ้ำ ๆ ต่อเนื่องทุกวันต้องมีคุณภาพและประสิทธิภาพ การทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือทำเพื่อให้รู้ว่าทำแล้วไม่เพียงพอ การฝึกฝนที่มีคุณภาพทำให้เราพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ดีขึ้น เช่น แพทย์ฉุกเฉินที่ฝึกซ้อมจนกลายเป็นสัญชาตญาณ มายด์เคยฝึกกระบวนการกู้ชีพแบบฉุกเฉินหรือการทำ CPR ในช่วงปีหกที่มหาวิทยาลัย ฝึกซ้อมหนักจนการปฏิบัติตามกระบวนการต่าง ๆ กลายเป็นสัญชาตญาณ การฝึกซ้อมที่เข้มข้นนี้ช่วยให้เธอสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์จริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความน่าเบื่อเป็นอุปสรรคใหญ่ในการฝึกซ้อมซ้ำ ๆ แต่การยอมรับและทนต่อความน่าเบื่อนี้คือสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้สิ่งที่เราฝึกซ้อมกลายเป็นเรื่องง่ายและลดโอกาสเกิดความผิดพลาด

      อาร์โนลด์อธิบายว่าความพยายามเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่มักต้องแลกกับความเจ็บปวดหรือความไม่สบายใจ ถ้าเรายังไม่รู้สึกเจ็บปวด แสดงว่ายังพยายามไม่พอ ทุกเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ย่อมผ่านความเจ็บปวดมาก่อนเสมอ มายด์เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ แม้บางคนอาจเลือกชีวิตที่สงบสุขโดยไม่พยายามมาก แต่การยอมรับว่าต้องผ่านความเจ็บปวดเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นเป็นสิ่งที่สำคัญ การทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เต็มที่ และทำให้เราเริ่มยอมรับการทำอะไรแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ ในเรื่องอื่น ๆ ที่สำคัญกว่า มายด์จึงพยายามจะทำทุกอย่างให้เต็มที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงาน YouTube ธุรกิจส่วนตัว หรือหน้าที่ประจำ

      อาร์โนลด์แนะนำให้ทำเหมือนกับว่าความฝันนั้นเป็นจริงแล้ว โดยตัดคำว่า “จะ” ออกไป เช่น แทนที่จะพูดว่า “ฉันจะเป็นนักแสดงนำ” ให้พูดว่า “ฉันเป็นนักแสดงนำ” เพื่อให้จิตใจมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในความฝันอย่างเต็มที่

      ในหนังสือเล่มนี้ อาร์โนลด์ได้เล่าถึงช่วงเวลาที่เขาเปลี่ยนจากการเป็นนักแสดงและนักเพาะกายมาสู่การเมือง เขาต้องเจอกับคำสบประมาทมากมายว่าคนที่เป็นแค่นักแสดงจะสามารถดูแลประชาชน 40 ล้านคนในรัฐแคลิฟอร์เนียได้หรือไม่ อาร์โนลด์มองว่านี่เป็นข้อดี เพราะการที่คนอื่นประเมินความสามารถของเราต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้เรามีโอกาสทำให้พวกเขาประหลาดใจและประทับใจได้ง่ายขึ้น เพียงแค่จดจ่อกับการบรรลุเป้าหมายของตัวเอง

      อาร์โนลด์สนับสนุนให้เรารับผิดชอบทุกการกระทำของเรา ไม่ว่าความสำเร็จหรือความล้มเหลวล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวชีวิตของเราเอง เขาเชื่อว่าการยอมรับความผิดพลาดเป็นความกล้าหาญและเป็นก้าวแรกที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขึ้น การแสดงถึงความจริงใจและความซื่อสัตย์ในการยอมรับผิดสามารถทำให้เรากลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิมได้

      เมื่อเผชิญกับวิกฤตหรือปัญหา การนั่งบ่นหรือกังวลจะไม่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ สิ่งสำคัญคือการรีบลงมือแก้ไขปัญหาตรงหน้าให้เร็วที่สุด การบ่นไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่การกระทำต่างหากที่มีผล

      สิ่งที่มายด์ค้นพบว่ามีความสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต และตรงกับที่คุณอาโนลด์แนะนำคือการค้นพบความสุขในทุกสิ่งที่ทำ ไม่ควรรอให้ถึงเป้าหมายแล้วจึงจะมีความสุข แต่ควรเลือกที่จะมีความสุขในทุก ๆ วัน แม้บางครั้งอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าหมาย การมองโลกในแง่บวกและเลือกที่จะจดจำแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้นจะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นและเติบโตต่อไปได้ อาร์โนลด์มองว่าการคิดบวกเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่เขาเลือกที่จะไม่โฟกัสกับด้านลบของชีวิต เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อหลอมให้เขาเป็นตัวเขาในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ดีหรือร้าย ทุกสิ่งล้วนมีบทบาทในการพัฒนาตัวเรา การยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับตัวไปตามนั้นเป็นแนวทางของชาวสโตอิก ที่เชื่อว่าความสุขไม่ได้มาจากการควบคุมสถานการณ์ภายนอก แต่จากการควบคุมความคิดและการตอบสนองของเราเอง การฝึกสติและสมาธิเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ดีขึ้น

      อาร์โนลด์เชื่อว่าความล้มเหลวไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จล้วนเรียนรู้จากความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ ความล้มเหลวไม่เคยทำลายความฝันของใคร แต่การล้มเลิกต่างหากที่ทำลายความฝัน อาร์โนลด์สนับสนุนให้เรามองความล้มเหลวเป็นบทเรียนและก้าวต่อไป สิ่งหนึ่งที่มายด์ชื่นชมในตัวอาร์โนลด์คือความมุ่งมั่นในเป้าหมายของเขา เขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและไม่ยอมรับสิ่งใดที่น้อยกว่าที่เขาต้องการ ความมุ่งมั่นนี้ทำให้เขาสามารถบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ อาร์โนลด์ยังพูดถึงความเสี่ยงว่าเป็นสิ่งที่เรามักตั้งขึ้นมาเอง ความเสี่ยงมักจะค่อนข้างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่เราอาจได้รับ เขาแนะนำให้เราคิดดูอีกครั้งว่าเรามีอะไรที่ต้องเสียจริง ๆ และความเสี่ยงนั้นคุ้มค่าหรือไม่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เราจะได้มา

สรุปหนังสือ Be Useful

เรียนรู้ และขอบคุณอยู่เสมอ 

      การเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ มายด์เห็นด้วยกับคุณอาร์โนลด์ที่แนะนำให้ทำตัวเป็นเหมือนฟองน้ำที่ซึมซับความรู้เสมอ ไม่ว่าจะเรียนรู้อะไร บางครั้งเราอาจไม่คิดว่าจะได้ใช้ แต่ในที่สุดความรู้เหล่านั้นจะกลับมาช่วยเราได้ในวันหนึ่ง เหมือนกับแนวคิด Connecting the dots ของ Steve Jobs การเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่ในห้องเรียน แต่เกิดจากการทำจริง ฝึกฝน และประสบการณ์ชีวิต คุณอาโนลด์ฝึกฝนจากทั้งการทำงานเป็นเด็กฝึกงาน การออกกำลังกาย และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งสอนเขาเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่น การวางแผน การสื่อสาร และการจัดการกับความล้มเหลว การที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่จำเป็นต้องเป็นหมอหรือทนายเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นนักกีฬา นักธุรกิจ หรือช่างภาพได้ สิ่งสำคัญคือการลงมือทำและฝึกฝนจากประสบการณ์จริง การมีใบปริญญาอาจไม่ได้สำคัญเท่ากับการมีความสามารถจริงในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งหนังสือเล่มนี้ยกตัวอย่างหลายคนที่ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งใบปริญญา อาร์โนลด์แนะนำให้เราเป็นคนที่สงสัยใคร่รู้เสมอ โดยการศึกษาจากคนอื่น ถามคำถาม และฟังพวกเขาด้วยความถ่อมตัว ความสามารถในการฟังคนที่รู้มากกว่าจะช่วยให้เราเติบโตได้เร็วขึ้น คุณอาร์โนลด์ย้ำว่าให้เราเรียนรู้จากทุกคนรอบตัวเสมอ อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เพราะจะไม่มีใครอยากสอนเรา ถ้าเราพร้อมรับฟังเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับความรู้ เราก็จะเติบโตได้เร็วขึ้น การถามว่า “อย่างไร” และ “ทำไม” จะช่วยให้เรารู้เหตุผลและจดจำได้ง่ายขึ้น มายด์ชื่นชมที่คุณอาร์โนลด์เป็นคนที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่เสมอ แม้จะประสบความสำเร็จในหลายด้านแล้ว แต่เขายังคงมีความถ่อมตัวและพร้อมที่จะรับฟังและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่มายด์รู้สึกชื่นชมมาก

      คุณอาร์โนลด์ไม่ได้มองว่าความสำเร็จของเขามาจากตัวเขาเพียงคนเดียว แต่เป็นผลมาจากการได้รับความช่วยเหลือจากคนรอบตัว เขาแนะนำให้เราชื่นชมและขอบคุณคนในชีวิตที่ช่วยเหลือเรา ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่คนที่เคยเป็นศัตรู เพราะทุกคนต่างมีบทบาทในการหล่อหลอมตัวเรา การช่วยเหลือผู้อื่นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณอาร์โนลด์เน้นย้ำ การให้ไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งใหญ่โตหรือเปลี่ยนแปลงชีวิต แต่สามารถเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การช่วยถือของ หรือการรับฟังความทุกข์ของผู้อื่น ซึ่งการให้เหล่านี้จะนำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง คุณอาร์โนลด์เชื่อว่าในชีวิตจริง ความสำเร็จไม่ได้วัดจากการเอาชนะผู้อื่น แต่จากการช่วยเหลือกันและกัน เขาแนะนำให้เราส่งต่อความช่วยเหลือที่เราเคยได้รับให้กับคนอื่น และเมื่ออายุมากขึ้น เราจะพบว่าความสุขไม่ได้มาจากทรัพย์สิน แต่จากความสัมพันธ์และการมีเพื่อนมากขึ้น มายด์คิดว่าการที่คุณอาร์โนลด์ร่างรายชื่อคนที่ช่วยเหลือเขาในแต่ละช่วงชีวิตและขอบคุณพวกเขาเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ และอยากเชิญชวนทุกคนให้ลองทำดูเช่นกัน

      สำหรับหนังสือ Be Useful ของคุณอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ คือเนื้อหากระชับ ได้ practical tips อย่างรวดเร็ว ค่อนข้างจะเห็นภาพได้ชัดว่าจะนำหลักการเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตได้ยังไงบ้าง เพราะว่าคุณอาโนลด์ได้เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ประสบการณ์ชีวิตต่างๆของเขาที่เขาได้นำเครื่องมือเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตจริงแล้วก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยพาเขาไปสู่ความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านนักเพาะกาย เป็นนักแสดงหรือเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เรียกได้ว่าคุณอาโนลด์เป็นแรงบันดาลใจหรือว่า Role Model ตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ค่ะ เขาได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความตั้งใจ และความมีวินัยของเขามาก ๆ หนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่อยากได้เคล็ดลับความสำเร็จของคนที่โด่งดังมากที่สุดในโลกคนหนึ่ง และสามารถนำสิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ไปใช้ได้จริงด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณสำนักพิมวีเลิร์นที่สนับสนุนหนังสือ Be Useful เล่มนี้นะคะ

error: Content is protected !!
Shares