เลิกเอาตัวรอดไปวัน ๆ แล้วเปลี่ยนมาใช้ชีวิตที่มีคุณค่า

และมีความสุขด้วยหนังสือ The Magic (เดอะเมจิก) ✨

      ชีวิตของคุณเคยพบกับเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจไหม? เหตุการณ์ที่เราเฝ้าฝันมาตลอดว่าสักวันมันจะเกิดขึ้นจนกระทั่งวันหนึ่งสิ่งที่คาดหวังมาตลอดนั้นก็เกิดขึ้นจริง ๆ มันคงเป็นความรู้สึกที่น่าทึ่งเกินบรรยายแน่นอนเมื่อความฝันของเราเกิดขึ้นจริงอยู่ตรงหน้า 🤩 แต่ถามว่านานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับอะไรแบบนี้? นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้รู้สึกขอบคุณชีวิตที่ทำให้มีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น?

      ทุกวันนี้พวกเราใช้ชีวิตด้วยความเคร่งเครียดรีบเร่งไล่ตามหาสิ่งที่อยู่ไกลเกินเป้าหมาย และมันก็ไม่เคยดูเหมือนใกล้ขึ้นสักที ทำอย่างไรเราถึงจะกลับมามีชีวิตที่ตื่นมาอย่างมีความหมายและทำให้สิ่งที่ฝันเป็นจริงได้? หนังสือ The Magic (เดอะเมจิก) นี้เขียนขึ้นโดยคุณ Rhonda Byrne ที่กล่าวถึงเรื่องราวความอัศจรรย์ของชีวิตหรือ The Magic (เดอะเมจิก) ในหนังสือเล่มนี้ได้เกริ่นนำถึงสมัยที่พวกเรายังเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ แม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ยังทำให้เราตื่นเต้นได้แค่น้ำค้างแข็งบนยอดหญ้าหรือผีเสื้อตัวน้อย ๆ ที่บินผ่านนั่นเป็นเพราะพวกเราในวัยเด็กมีความเชื่อว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นสิ่งที่ดีและน่ารักทั้งสิ้น ชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงาม และเป็นความอัศจรรย์ ซึ่งความอัศจรรย์ทั้งหลายที่เราเชื่อในวัยเด็กนั่นแหละที่เป็นความจริง 🦋 ไม่ใช่ความหม่นหมองที่กำลังเจอในวัยผู้ใหญ่

      หากเราอยากจะกลับไปมีความรู้สึกดี ๆ รับรู้ถึงความอัศจรรย์หรือเวทมนต์ของชีวิตแบบในวัยเด็กอีกสิ่งที่ต้องฝึกคือความรู้สึกขอบคุณหรือ Gratitude ทุกวัน เพราะคนที่เห็นคุณค่า และขอบคุณสิ่งต่าง ๆ ที่มีในชีวิตจะช่วยให้พวกเขามีสิ่งเหล่านั้นมากขึ้น 👏 ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จของหน้าที่การงาน การเงิน ความสัมพันธ์หรือความสุขก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับคนที่รู้จักคุณค่าและขอบคุณ แต่คนที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีอยู่เลย สักวันหนึ่งพวกเขาย่อมโดนพรากเอาสิ่งเหล่านั้นไปอย่างแน่นอน ในหลักการเดียวกันกับกฎแห่งแรงดึงดูดนั่นเอง ความคิดของเราจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดสิ่งที่เราคิดบ่อย ๆ ให้เข้ามาในชีวิตมากขึ้น หากคิดแต่สิ่งดี ๆ ก็ย่อมดึงดูดสิ่งดี ๆ เหล่านี้มามากขึ้น ยิ่งขอบคุณรู้ซึ้งถึงคุณค่ามากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับสิ่งเหล่านั้นมากยิ่งขึ้น ขอบคุณทุกสิ่งในชีวิตเสมอทุกเช้า 💛

      บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองก็เป็นคนพูดขอบคุณบ่อยนะ เช่น ขอบคุณเวลาได้รับของ ขอบคุณเวลามีคนมาเปิดประตูให้ แต่นั่นเป็นเหมือนการขอบคุณตามมารยาทที่พูดไปอัตโนมัติแม้จะมีความรู้สึกขอบคุณอยู่ด้วยแต่มันอาจจะเป็นเพียงแค่ 2-3 วินาที และเป็นความรู้สึกขอบคุณเล็ก ๆ แล้วเราก็ลืมมันไป แน่นอนว่ามันไม่ลึกซึ้งเท่ากับการที่เราตั้งใจทบทวนถึงเหตุการณ์สิ่งที่ดีๆในชีวิตแล้วซาบซึ้งเห็นคุณค่าของมันจริง ๆ

      ✅ ลองเช็กตัวเองดูก็ได้ค่ะว่าตอนนี้เราเป็นคนที่มีความรู้สึกขอบคุณหรือ Gratitude มากแค่ไหนจากการสังเกตสถานการณ์การเงิน สุขภาพ หน้าที่การงาน ความสุข และความสัมพันธ์ในชีวิตได้ ถ้าด้านไหนที่รู้สึกว่าดีมาก ๆ แสดงว่าเราได้ใช้ Gratitude ในด้านนั้นอยู่แล้ว แต่ถ้าด้านไหนในชีวิตที่ยังรู้สึกว่ามันขาดหายไปอาจจะต้องเพิ่ม Gratitude ในด้านนั้นให้มากขึ้น เพราะถ้าไม่ได้รู้สึกขอบคุณกับอะไรเลยเราก็ย่อมไม่ได้สิ่งเหล่านั้นมากขึ้นอยู่แล้ว เมื่อไหร่ที่หยุดขอบคุณก็เหมือนเราหยุดไม่ให้สุขภาพที่ดีความสัมพันธ์ที่ดี ความสุข เงิน ความก้าวหน้าทางการงานเข้ามาในชีวิตไปด้วย 💌

      ตัวผู้เขียนเองก็ได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเองว่าก่อนหน้านี้เธอใช้ชีวิตเหมือนเอาตัวรอดไปวัน ๆ แต่เมื่อเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับการขอบคุณหรือ Gratitude ถึงทุกสิ่งในชีวิตที่เกิดขึ้น นั่นแหละเธอถึงเพิ่งได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง และได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขมากยิ่งขึ้น ยิ่งเราสร้างความรู้สึกขอบคุณในชีวิตมากขึ้นเท่าไหร่ก็เราก็ยิ่งดึงดูดความอัศจรรย์หรือเมจิกเข้ามาในชีวิตของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ที่ไหนหรือประสบพบเจอกับเหตุการณ์ใดอยู่ก็ตาม ความอัศจรรย์ของการขอบคุณจะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้

      โดยหนังสือ The Magic (เดอะเมจิก) โดย Rhonda Byrne นี้มาพร้อมหลักการ และคู่มือการนำ Gratitude มาใช้เปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้นด้วยหลักปฏิบัติให้เราฝึกทั้งหมด 28 วัน ซึ่งถ้าเราตั้งใจทำตามได้ครบ 28 วันต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงดี ๆ ขึ้นในชีวิตของเราอย่างแน่นอนค่ะ 😁