แนะนำ 9 แอปช่วยเรียนหนังสือ 📙
ปัจจุบันเทคโนโลยีและแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทในชีวิตกันมากขึ้น รวมไปถึงด้านการเรียนด้วยเช่นกัน ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เรามักจะใช้อุปกรณ์อย่าง iPad หรือ Notebook แทนการเรียนกับหนังสือหรือกระดาษกันไปส่วนใหญ่แล้ว ดังนั้นวันนี้มายด์เลยอยากจะมาแนะนำ 9 แอปช่วยในการเรียนหนังสือของเราให้มีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นกันค่ะ
1.XMind
เครื่องมือสร้าง Mind Maps ที่ปลดล็อกทุกไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ สามารถเลือกสีสันดีไซน์ได้หลากหลายรูปแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับผู้ใช้ การันตีด้วยรางวัลเครื่องมือสร้าง Mind Map ที่ยอดนิยมมากที่สุดโดย LifeHacker ยอดดาวน์โหลดทั้งหมด 100 กว่าล้านครั้ง ได้รับคะแนนรีวิวใน App Store ด้วยคะแนน 4.8/5 จากที่บริษัทมีประสบการณ์ในการทำเครื่องมือสร้าง Mind Map มากว่า 17 ปี ทำให้ XMind สามารถใช้สร้าง Mind Map ได้ง่ายมาก ๆ ด้วยปุ่ม shortcut และรูปแบบที่สวยงามทำให้การทำ Mind Map ไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไป เปลี่ยนการเรียนเรียนให้สนุกมากขึ้น ความคิดมีระบบ อีกทั้งการเรียนเป็นภาพยังช่วยให้เราจำได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกเหนือไปจาก Mind Map แล้ว XMind ยังสามารถใช้สร้างแผนภาพอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมได้ เช่น Logic Chart, Fish Bone, Timeline หรือ Tree Table และ XMind ยังมีโหมดพิเศษอย่าง Zen Mode ที่ช่วยให้มีสมาธิจดจ่อกับ Mind Map เพียงแผ่นเดียวไม่โดนรบกวน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งสำหรับวัยเรียนคือสามารถอัดเสียงเลกเชอร์สำหรับ Mind Map แผ่นนั้นได้โดยเฉพาะอีกด้วย
รองรับระบบ macOS, Windows, iOS, Web, Linux, Android
2.Momentum
Momentum เป็น browser extension ใน Google Chrome ที่ช่วยเพิ่มความ Productive และสร้างแรงบันดาลใจ โดยจะเป็นหน้าต่างที่แสดงเวลาบนพื้นหลังสวย ๆ ซึ่งเปลี่ยนใหม่ทุกวัน และจะมีให้เรากรอกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะตั้งใจโฟกัสในวันนี้คืออะไร สามารถเพิ่ม To do list ในแต่ละวัน และอาจจะเพิ่มงานเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างอื่นไว้ด้านข้างด้วยก็ได้ แถมบริเวณด้านล่างยังมีโควทให้เราอ่านเพิ่มแรงบันดาลใจได้อีกด้วย บริเวณด้านซ้ายบนจะมีให้เราใส่ลิงก์ที่เราเข้าบ่อย ๆ เป็นประจำ และหน้าเว็บโปรดที่ Bookmark เอาไว้ เพื่อให้กดเข้าไปได้ง่าย ๆ มีช่องว่างสำหรับเสิร์ชค้นหาข้อมูลใน Internet ได้ เราสามารถปรับแต่งหน้าต่างนี้ได้ที่ตัวเลือก Setiing ด้านล่างซ้ายนะคะว่าเราต้องการจะปิดหรือเปิด Feature ตัวไหน ข้อดีของ extension ตัวนี้คือทุกครั้งที่เราเปิดหน้าต่างใหม่ เราก็จะได้เห็นภาพวิวสวย ๆ เห็นเป้าหมายของเราทำให้เรา สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ฟรี! บน Google Chrome
3. Microsoft Onenote
เหมาะสำหรับคนที่ชอบจดโน้ตแบบ digital ไม่ว่าจะพิม หรือเขียนใน iPad ข้อดีคือเป็นแอปที่สามารถใช้งานได้ฟรี ระบบเรียงไฟล์ที่เป็นระเบียบ สามารถแยกแต่ละวิชา แต่ละบทออกจากกันได้ อัดเสียงเข้าไปในไฟล์ได้เลยโดยตรง สามารถไฮไลท์ ขีดเส้นใต้ และวาดรูปในแอปได้อีกด้วย ข้อมูลที่ถูกเก็บไว้จะ sync ไว้กับอุปกรณ์ทุกตัวทำให้เข้าถึงไฟล์ได้สะดวกมาก ๆ เลยค่ะ ซึ่งถ้าเป็นแอปอื่น ๆ อาจจะต้องเสียเงินด้วยซ้ำ แถมยังสามารถแชร์ไฟล์ให้เพื่อนเวลาทำงานกลุ่มร่วมกันได้อีกด้วย รองรับระบบ macOS, Windows, iOS, Web, Linux, Android
4. Taskade
เรียกได้ว่าเป็นสมองสำรองที่ 2 ใช้สำหรับวางแผนการทำงานโปรเจกต์แต่ละวันทั้งในรูปตารางหรือปฏิทิน เขียนโน้ตจดบันทึก สร้าง Mind Map และยังสามารถวิดีโอคอลกับเพื่อนร่วมงานไปด้วยได้เลยในแอปเดียวกัน แถมอินเทรนด์ไปกับกระแส AI writer มาช่วยคิดค้นไอเดียใหม่ ๆ ตอนทำโปรเจกต์ได้อีกด้วย แถบโชว์ % การทำงานว่าเราทำงานไปได้ถึงไหนแล้ว และที่สำคัญคือเราสามารถใช้งาน Taskade นี้ได้ฟรีด้วยค่ะ รองรับระบบ macOS, Windows, iOS, Web, Linux, Android
5. Forest
Forest หลายคนน่าจะคุ้นเคยในลักษณะของแอปบนโทรศัพท์มือถือ แต่ Forest เองก็มีรูปแบบ extension สามารถใช้งานบน google chrome ได้ด้วยเช่นกัน Forest จะให้เรากำหนดเวลาที่ต้องการใช้ทำงาน และในระหว่างนั้นต้นไม้ก็จะเติบโตไปด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปเข้าเว็บอื่น ต้นไม้ของเราก็จะเด้งขึ้นมาว่ามันกำลังโตอยู่นะ ถ้าเรายังเล่นต่อ ต้นไม้อาจจะตายได้ แน่นอนว่าเราคงไม่อยากให้ต้นไม้ตาย เราก็จะตั้งสติ และกลับไปทำงานต่อได้ แถมเรายังสามารถเพิ่มเว็บไซต์ที่ไม่ต้องการเข้าเป็น Blacklist ได้ และเพิ่มเว็บไซต์ที่ต้องใช้ต้องทำงานเป็น Whitelist
6. Google Drive
Google Drive สำหรับเก็บไฟล์งานที่สำคัญต่าง ๆ แต่เราสามารถเข้าถึงไฟล์เหล่านั้นได้ด้วยบัญชีของเราจากเครื่องมือไหนก็ได้ เช่น โทรศัพท์ iPad หรือคอมพิวเตอร์ นอกจาก Google Drive แล้วยังมี Dropbox, Onedrive อีกด้วย เราสามารถดาวน์โหลด desktop version มาไว้ในคอมพิวเตอร์ เสมือนกับเป็นโฟลเดอร์หนึ่ง เวลาที่อัพโหลดไฟล์เข้าไปแล้ว ข้อมูลไฟล์ก็จะ sync ไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกไฟล์ที่ต้องการเข้าไปดูแบบ Offline ได้ด้วย โดยการคลิกเลือกไฟล์นั้น และเลือก make available as offline
7. One Tab
One tap เป็น extension ใน Google Chrome แต่ก็สามารถใช้งานได้ทั้งใน Safari, Firefox และ Edge ค่ะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเปิดหน้าต่างไว้หลาย ๆ แท็บเวลาค้นหาช้อมูล จะปิดก็ไม่ได้เพราะมีเนื้อหาสำคัญที่ต้องใช้ แต่ extension One tap นี้จะช่วยเก็บหน้าต่างเหล่านั้นเอาไว้ภายในแถบเดียว สามารถจัดเรียงแถบให้เป็นกลุ่ม ๆ ตามหัวข้อ
8. Grammarly
Grammarly เป็น extension และเว็บไซต์ที่ช่วยตรวจสอบภาษาอังกฤษของเรา ข้อดีคือมันสามารถช่วยตรวจสอบได้ทั้งในเว็บ Browser, email และ google docs ได้ ทำให้ประหยัดเวลาในการตรวจสอบแกรมม่าห์ และมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นด้วย สามารถอ่านรีวิว Grammarly ได้ที่นี่
9. Quillbot
ทีนี้อีกเว็บหนึ่งที่กำลังมาแรงคือ Quillbot ค่ะเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกัน แต่คุ้มกว่าเพราะนอกจากจะช่วยตรวขสอบ grammar ให้เราแล้วยังมีโหมดช่วย summarzie สรุปเนื้อหา plagiarism ตรวจสอบการคัดลอกผลงานวิชาการ Paraphase คือเขียนเนื้อความออกมาใหม่เรียงรูปแบบประโยคใหม่ไม่ให้ซ้ำของเดิม เครื่องมือช่วยสร้าง Citation (อ้างอิง) โดยไม่ต้องมานั่งหาชื่อคนเขียน ปีที่เขียนเองอีกต่อไป หรือแม้กระทั่งมี AI ที่มาช่วยเขียนเนื้อหาได้อีกด้วย! สามารถเข้าไปดูรายละเอียดการรีวิวเพิ่มเติมในรีวิว Quillbot เครื่องมือช่วยเขียนภาษาอังกฤษที่คุ้มกว่า
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องมือทั้ง 9 อย่างที่สามารถช่วยให้เพื่อน ๆ เรียนรู้ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะ 😁