แนะนำหนังสือ Mindset โดย Carol Dweck
Mindset คือกรอบความคิด ⚙️ หรือมุมมองในการใช้ชีวิตซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อความสำเร็จ มุมมองที่เรามีต่อตัวเอง ส่งผลอย่างมากต่อการใช้ชีวิต โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Fixed Mindset หรือกรอบคิดแบบตายตัว
🤦♀️ คนที่มี Fixed Mindset จะเชื่อว่าความฉลาดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้รู้สึกอยากพิสูจน์ตัวเองว่าตัวเองฉลาด จึงพยายามหลีกเลี่ยงความท้าทายต่าง ๆ ไม่อยากทำให้ตัวเองดูไม่ดีถ้าหากล้มเหลว มัวแต่กังวลกับคำวิจารณ์จากคนอื่น มักจะยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เมื่อเจออุปสรรค หรือความผิดพลาด พวกเขาจะคิดว่า
“ฉันทำพังทุกอย่าง”
“ฉันโง่เอง”
“ฉันมันน่ารังเกียจ”
เพราะพวกเขามองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นตัวบ่งบอกถึงความสามารถ และคุณค่าของตัวเอง มองว่าชีวิตพวกเขาน่าเบื่อ โลกนี้ใจร้ายกับเขา 😓 ฉันเป็นคนโชคร้าย คิดว่าคนฉลาดไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากในการที่จะประสบความสำเร็จ มองว่าคนเก่งมักจะเกิดมาพร้อมพรสวรรค์อยู่แล้ว ไม่ยอมรับคำวิจารณ์ มักจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาที่คนอื่นประสบความสำเร็จ เหมือนการที่คนอื่นประสบความสำเร็จนั้นจะเป็นภัยต่อตัวเอง คนที่มี Fixed Mindset จึงประสบความสำเร็จน้อยกว่าที่ควร
ในขณะที่ Growth Mindset 🌱 เชื่อว่าความฉลาดจะสามารถพัฒนาขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็กต์ตั้งแต่ครั้งแรก แต่เป็นการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทาย แม้ว่าจะมีอุปสรรคขวางกั้น
พวกเขามองว่าความพยายามคือขั้นตอนหนึ่งของความสำเร็จ แม้จะเผชิญหน้ากับความล้มเหลว พวกเขาจะไม่ด่าตัวเอง และยอมแพ้ แต่เขามองว่ามันเป็นประสบการณ์ และบทเรียนให้พัฒนาตัวเองต่อไป เขายิ่งมีความมุ่งมั่นมากขึ้น ยอมรับคำวิจารณ์ และนำไปปรับปรุงตนเอง 💪 มี Passion ในความพยายามที่จะไปต่อถึงแม้ทุกอย่างจะไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่คาดหวังเป็นลักษณะที่สำคัญมากของ Growth Mindset พวกเขาชื่นชมความสำเร็จของคนอื่น และมองความสำเร็จของคนอื่นเป็นแรงบันดาลใจ
จากงานวิจัยของคุณ Carol Dweck ได้แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับคำชมจากความสามารถว่าเป็นเด็กที่ฉลาด และอีกกลุ่มหนึ่งได้รับคำชมจากความพยายามว่าเป็นเด็กที่ขยัน มีความพยายาม
เมื่อทดลองใหม่อีกครั้งก็พบว่า เด็กที่ได้รับคำชมว่าเป็นเด็กฉลาดจะพยายามหลีกเลี่ยงความท้าทายใหม่ ๆ 😟 เพราะไม่อยากทำอะไรที่มีโอกาสทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ทำให้ไม่มีการพัฒนาเพิ่ม ในทางตรงกันข้ามเด็กที่ได้รับคำชมเกี่ยวกับความพยายามบอกว่าพวกเขามีความสุขที่ได้แก้ไขปัญหายาก ๆ ทำให้พวกเขายิ่งพัฒนาตัวเองได้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขามองว่าความล้มเหลวคือโอกาสที่ได้เรียนรู้ ⭐️
ด้านความสัมพันธ์ การรับมือกับการอกหักนั้นมีคน 2 ประเภท 💔 ประเภทแรกเมื่ออกหักแล้วจะมองว่าตัวเองป็นคนที่ไม่ดี ไม่มีใครรัก และจะคอยมองหาการแก้แค้น 😡 ซึ่งเป็นลักษณะของ Fixed mindset ที่ปล่อยให้สถานการณ์นี้ทำลายชีวิตตัวเอง และเป็นอุปสรรคทำให้ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ได้อีก
แต่คนที่เป็น Growth Mindset จะเข้าใจ ให้อภัย และก้าวเดินต่อไป 😄 ถึงแม้พวกเขาเองก็รู้สึกเจ็บมากเหมือนกับคนอื่น แต่พวกเขาจะรู้สึกอยากเรียนรู้จากประสบการณ์
หลายครั้งที่เวลาเราเจอใครสักคน เรามักจะคิดว่าถ้าเขาเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา เราไม่ต้องพยายามเยอะทุกอย่างจะลงตัว และเข้ากันได้เอง ถ้าเราต้องใช้ความพยายามเยอะ และลำบากแสดงว่ามันไม่ใช่ ความจริงแล้วทุกความสัมพันธ์ต่างก็ต้องการความพยายามเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าทุกความสัมพันธ์ที่ใช่จะง่ายไปหมด อย่างเช่น ถ้าเราไม่ยอมบอกคนรักของเราว่าเราต้องการอะไร ก็แสดงว่าเรายังสื่อสารได้ไม่ดี ไม่ความสัมพันธ์ไหนที่ไม่มีปัญหาอะไรเลย
เมื่อไหร่ที่เรามีปัญหาด้านความสัมพันธ์เรามักจะโทษคนรักของเราว่าเป็นคนอย่างนั้นอย่างนี้ ถึงได้ทะเลาะกัน แต่ความจริงอาจจะเป็นเพราะสถานการณ์นั้นต่างหาก ซึ่งต้องอาศัยการสื่อสารที่ดีเพื่อจะได้เข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงเป็นแบบนั้น คู่รักของเราอาจจะมีทักษะ ความเชื่อที่แตกต่างไปจากเรา
👩🏫 ด้านการสอน เด็กหลายคนจะมี Mindset แบบไหนมักขึ้นกับว่าเขาได้รับฟีดแบ็กจากพ่อแม่ หรือคุณครูกลับไปอย่างไร ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเรียนรู้ และพัฒนาตัวเอง ครูที่มี Fixed Mindset จะมองว่าเด็กพวกนั้นมีนิสัยที่ถาวร แก้ไม่ได้ และตัดสินพวกเขาจากนิสัยเหล่านี้ แต่ถ้าคนที่มี Growth Mindset จะมองว่า เด็กเหล่านี้สามารถพัฒนาตัวเองได้ และการช่วยเหลือพวกเขาให้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ⭐️
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ห้ามชมเกี่ยวกับความฉลาด เช่น
“จำได้ไวจังเลย ฉลาดมาก”
มันจะทำให้เด็กคิดว่า
“ถ้าฉันไม่เรียนให้ไวแล้ว ฉันจะไม่เป็นคนฉลาด”
หรือถ้าบอกว่า
“เธอฉลาดจังเลย ได้เกรด 4 โดยที่ไม่ต้องพยายามทำอะไรเลย”
เด็กก็จะคิดว่า
“ถ้าฉันพยายามตั้งใจเรียนแสดงว่าฉันไม่ฉลาด งั้นไม่ต้องพยายามมากดีกว่า”
ซึ่งมายด์เองก็เคยติดกับดักตรงนี้ค่ะ ที่คนมักจะชอบชมว่าฉลาดโดยที่ไม่ต้องตั้งใจเรียนหรือพยายามอะไรมากเลย ทำให้มายด์รู้สึกว่าถ้าเราพยายาม มันจะกลายเป็นว่าเราไม่ฉลาด ไม่เก่ง ทำให้แทนที่มายด์จะตั้งใจอ่านหนังสือเยอะ ๆ มากขึ้น ก็อ่านน้อยลง เพราะคิดว่าตัวเองฉลาดแล้ว ไม่ต้องพยายามเยอะ ซึ่งแน่นอนว่าผลออกมาก็จะไม่ค่อยดีอย่างที่คิดไว้ค่ะ
ตอนช่วงหลังที่มายด์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Growth Mindset มายด์ก็มีมุมมองความคิดที่แตกต่างไปจากเดิม เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนชมว่ามายด์เก่ง หรือฉลาด มายด์จะตอบว่าเพราะมายด์พยายาม มายด์อ่านหนังสือเยอะมาก 📚 เพื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ทุกอย่างมาจากความพยายาม ไม่ใช่ความเก่ง หรือความฉลาดเลย ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ชมเด็กเลยนะคะ ไม่ควรชมเรื่องความฉลาด หรือความสามารถ แต่ให้ชมเกี่ยวกับความพยายามของพวกเขามากกว่า เราอาจจะบอกว่า “เธอตั้งใจ และขยันเรียนมาก เธออ่านหนังสือหลายรอบจนกระทั่งผลลัพธ์สุดท้มายดีขึ้นมาก”
ในขณะที่บางคนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ 🎨 ใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำงานหนึ่งได้ดีกว่าคนอื่น เมื่อได้รับคำชมมาก ๆ เข้าเกี่ยวกับความสามารถ และพรสวรรค์ของตัวเองที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากก็ทำออกมาได้ดีแล้ว พวกเขายิ่งมีแนวโน้มไปทาง Fixed Mindset ได้ง่ายกว่า พวกเขาจะไม่ได้ฝึกใช้ความพยายามอย่างหนัก หรือรับมือกับความผิดหวังมาก่อน แต่สำหรับคนที่มี Growth Mindset พวกเขาเชื่อว่าแม้แต่อัจฉริยะเองก็ต้องใช้ความพยายาม 💪 เพื่อประสบความสำเร็จเหมือนกัน ทำให้พวกเขายิ่งพยายามมากขึ้น เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เรามักจะเจอในแชมเปี้ยนระดับโลก 🏆
โดยสรุปแล้วหนังสือ 📘 Mindset: The psychology of success โดย Carol Dweck เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่มายด์แนะนำมาก ๆ ค่ะ เรียกได้ว่าแทบจะเป็นหนังสือเปลี่ยนชีวิตเลย เพราะหลังจากอ่านแล้วมุมมองหลายอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก ทำให้มายด์เข้าใจเกี่ยวกับชีวิตของมายด์มากขึ้นว่า “ทำไม” ชีวิตของเราถึงเป็นอย่างทุกวันนี้ แน่นอนว่าความคิดมุมมองการใช้ชีวิต หรือ Mindset เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลอย่างมาก มายด์ขอแนะนำให้ทุกคนมาลองเริ่มต้นพัฒนา และเปลี่ยน Mindset ของตัวเองกันนะคะ แล้วเราจะพบว่าการเปลี่ยน Mindset ช่วยเปลี่ยนชีวิต และโลกทั้งใบของเราได้